Welcome to bangkoktraining.com
We are Profestional
   
ติดต่อเรา
  หน้าแรก 
 1. ขอบข่ายงานบริการ 
  2. โปรแกรมการอบรม
 3. บริการจัดหาวิทยากร
      * รายชื่อวิทยากร
 4. โครงการให้คำปรึกษา 
     *  ด้านงานบุคคล
     *  ด้านเพิ่มผลผลิต
   5. กิจกรรมวอล์คแรลลี่
       * พลังทีม-พลังความสำเร็จ
       * วอล์คแรลลี่เพื่อสุขภาพ
  6. กิจกรรมส่งเสริมการตลาด
      *  งาน E-Vent
     *  จัดหาดารา นางแบบ พิธีกร   
  8. บริการจัดท่องเที่ยวทั่วไป
      *  ทัวร์สุขภาพ 
       * ไหว้พระ 9 วัด
      *  ทัวร์ต่างประเทศ
 9. แพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ
    * เลือกสุขภาพดีกับ
      นายแพทย์เปี่ยมโชค  ชลิดาพงศ์
        * โรคภัยควรรู้
        * โภชนบำบัดเพื่อสุขภาพ
        * ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
  10. เคล็ดลับความสวยงาม
    *    โยคะเพื่อสุขภาพและความงาม
  11. 108 ไอเดียสร้างอาชีพ
       *  โยคะสร้างอาชีพ
    ( มาเป็นครูโยคะกันเถอะ )
       *  รวยด้วยธุรกิจสปา
  12. โหราศาสตร์เพื่อชีวิต
       * โหวงเฮ้งสร้างชีวิต
      * เสริมราศีดวงดีรับปี 2551
      * ปาร์ฏิหารย์องค์จตุคามราม เทพ
       * ศาสตร์ฮวงจุ้ยสร้างความสำเร็จ
  13. ผลงานที่ผ่านมา
  14. เกี่ยวกับเรา
 
เลือกมีสุขภาพดีกับแพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

นายแพทย์เปี่ยมโชค  ชลิดาพงศ์ : แพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

ผันตัวเองจากแพทย์ผ่าตัด หลังจากเกือบ 20 ปีผ่านไป

       ผมเป็นหมอผ่าตัด เข้าห้องผ่าตัด 8 โมงเช้า บางทีกว่าจะออกมาก็ 4 โมง 5 โมงเย็น
บางครั้ง 2 ทุ่มก็มี ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยครับ เกิดประโยชน์มั๊ย สมัยก่อนผมก็เชื่อว่า
เกิดประโยชน์ แต่พอมาเรียนเรื่องโภชนาการบำบัดและธรรมชาติบำบัดมากๆ จึงเริ่มรู้ว่า
ไม่เกิดประโยชน์  เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ คนไข้ต้องเสียอวัยวะ บางคนเสียชีวิต
ส่วนเราก็เสียแรง สู้หันมาแนะนำให้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดจริงๆ จะดีกว่า เช่น
ปัญหาเรื่องโรคมะเร็ง เราแก้ปัญหาเสร็จคนไข้ส่วนใหญ่ก็ตาย แสดงว่าเราแก้ไม่ถูกจุด
แต่เมื่อยังไม่รู้อะไรมากกว่านี้ เราก็ยึดติดว่า การผ่าตัดหรือฉายแสงหรือทำเคมีบำบัดเป็น
การรักษาที่ถูกต้อง แต่ก็ได้คิดว่า ถ้าเรารักษาโรคมะเร็งได้ถูกต้อง ปัญหาต้องลดลงเยอะ
ถึงคนไข้ไม่หายทั้งหมดก็ตาม แต่นี่ดีขึ้นเพียงนิดเดียว และเมื่อเราวิเคราะห์สาเหตุ
ของโรคมะเร็ง ก็พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากคนไข้กินอาหารกันผิดๆ ทั้งนั้น พอมีการปรับอาหาร
ให้ถูกต้องก็พบว่า ก้อนมะเร็งเล็กลง ผมมีคนไข้เป็นครูอายุ 39 ปี เป็นมะเร็งเต้านม
มีเนื้องอกเป็นก้อนขนาด 4 ซ.ม. มันเริ่มจากเป็นก้อนขนาด 2 ซ.ม. โตขึ้นมาเป็น 4 ซ.ม.
ในเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น เพราะคนไข้ปฏิเสธการรักษาแบบฉายแสง ผ่าตัดและเคมีบำบัด
ผมจึงใช้วิธีโภชนาการบำบัดอย่างเดียว  ปัจจุบันมะเร็งหยุดโต และแนวโน้มจะเล็กลงด้วย
ผมภูมิใจมากกับคนไข้รายนี้ ที่ผมไม่ได้ใช้วิธีรักษาแผนปัจจุบันเลย ผมทำให้มะเร็งหยุดโต
ด้วยวิธีการธรรมดาๆ

ต้นเหตุของโรคมะเร็งร้าย

ร่างกายจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรามีความรู้พอที่จะเลือกกินของที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่
มีอาหารอยู่ 4 กลุ่มที่โดยทั่วไปเรายังเรียกว่าอาหาร แต่จริงๆ แล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพของ
มนุษย์อย่างมากทีเดียว อาจกล่าวได้ว่าเป็นสารพิษด้วยซ้ำ คือ
   "นมวัวหรือโปรตีนสัตว์"
   "ทุกอย่างที่หวาน" (เช่น ขนมหวาน ผลไม้หวาน น้ำผลไม้ น้ำหวาน น้ำอัดลม)
   "เนยเทียม"
   "น้ำมันทอดซ้ำ"
คนไข้ต้องเลิก 4 ตัวร้ายแล้วหันมากินอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่นกินผลไม้ที่ไม่หวาน
กินผักต่างๆ เพิ่มขึ้น กินอาหารรสจัดให้น้อยลง โดยเฉพาะรสเค็ม  ส่วนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
ต้องเลิกเลย ให้กินโปรตีนพืชแทน เป็นการรักษาโรคที่หลายคนคิดว่า อันตรายสุดขีดด้วย
วิธีธรรมดาๆ โดยเลิกทำร้ายตัวเอง และพยายามช่วยตัวเอง คนไข้รายนี้เป็นรายแรกที่
ไม่ได้รับการรักษาแบบแผนปัจจุบันแม้แต่นิดเดียว ต้องยอมรับว่าเขาใจถึงจริงๆ  ผมมั่นใจ
ไม่ว่ามะเร็งระยะไหน ถ้าใช้วิธีนี้ดีกว่าเดิมแน่ เป็นน้อยก็อาจหาย เป็นมากก็อาจจะลดลง แต่ถ้าเป็นมากเข้าระยะที่ 4 แล้ว มันมีเวลาเหลือน้อยเกินไปที่จะให้เราไปแก้ไข
ได้ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด และส่วนใหญ่จะช่วยไม่ได้ จริงๆ แล้วมะเร็งระยะสุดท้าย
ไม่ว่าจะใช้วิธีธรรมชาติบำบัด หรือ แผนปัจจุบันก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก มันแย่พอๆ กัน


สถิติคนไทยเป็นมะเร็งมากขึ้นจากสาเหตุอะไร
คนไทยกินอาหารเฮงซวยเพิ่มขึ้น และกินต่อเนื่องมายาวนานจนถึงจุดที่ร่างกายเสียสมดุล
เพราะร่างกายของเราทุกคน ทุกอวัยวะทุกเซลล์ล้วนสร้างมาจากอาหารที่เรากินทางปาก
ถ้าเราต้องการเซลล์ปกติ เราต้องกินอาหารปกติและเป็นประโยชน์ต่อเซลล์  แต่ถ้าคุณกิน
อาหารที่ผิดปกติและไม่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ เซลล์นั้นก็จะนำอาหารดังกล่าวไปสร้าง
เซลล์ใหม่ เมื่อเซลล์ใหม่เกิดขึ้น จึงกลายเป็นเซลล์ผิดปกติทีละนิดทีละน้อย ซ้ำซากเรื่อยๆ
และจะกลายเป็นเซลล์ที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ลงท้ายกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ทฤษฎีที่บอกว่า
ไวรัสมีส่วนกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งนั้น ผมไม่เถียง มะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากหลาย
สาเหตุรวมกัน ถ้าเซลล์อ่อนแอ ไวรัสโจมตี ก็ทำให้เกิดความผิดปกติของยีนส์เพิ่มขึ้น
ทำให้เป็นมะเร็งเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างประกอบกัน ถ้าเซลล์แข็งแรงถึงไวรัสจะมีอยู่
ก็ทำอะไรไม่ได้

สำหรับคนไข้ตับอักเสบบี หรือตับอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส คนไข้พวกนี้ร้อยละ 90 ผมเชื่อว่า
ชอบกินหวานและเนื้อสัตว์ ก็คือ เจ้า 4 ตัวร้าย ถ้ากินอาหารพวกนี้น้อยลง หรืองดได้เวลา 2-3 ป
ถ้าถามว่าทำไมต้องนานถึงขนาดนั้น ผมต้องย้อนถามว่า ที่คุณทำร้ายร่างกายของคุณมา
เป็นสิบๆ ปี นานไหมละ บางคนคิดว่า เขาก็กินอาหารตามบรรพบุรุษซึ่งกินกันมานมนานแล้ว
และบรรพชนก็มีอายุยืน ตระกูลนั้นควรจะสูญพันธุ์ไปได้แล้ว และสิ่งที่เขาเข้าใจก็ไม่ถูกต้อง
ทั้งหมด ข้อแรกคุณไม่ได้กินอาหารเหมือนบรรพบุรุษคุณเปี๊ยบ ข้อที่ 2 วัตถุดิบที่คุณนำมา
ทำอาหาร ก็ไม่เหมือนสมัยพ่อแม่ปู่ย่าตายายของคุณ ข้อที่ 3 วัตถุดิบที่คุณนำมาทำอาหาร
มาเป็นตัวกำหนดความอยู่รอด โดยมองมุมแคบๆ แบบนี้เพียงแง่มุมเดียวก็ควรสูญพันธุ์
ไปได้แล้ว

คำแนะนำสู่การปฏิบัติควรเริ่มมองว่า อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของตัวเอง ถ้าคิดว่าเป็นเงิน
คุณก็หาเงินเยอะๆ แต่ถ้าคิดว่าสุขภาพ คุณก็ควรหาความรู้เรื่องใดก็ได้ เพราะมัวนั่ง
งอมืองอเท้าแล้วมันไม่สามารถไหลเข้าหาคุณได้ คุณจะต้องตะเกียกตะกายขวนขวายจึงจะได้
ในยุคที่ความรู้ท่วมท้นนี้ คุณต้องรู้ให้เยอะ คิดให้เยอะและใช้วิจารณญาณ ซึ่งเป็นคุณสมบัติ
ของสิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอด แล้วคุณจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยนำความรู้ไปลองทำอย่าง
ละนิดละหน่อย อย่าเชื่อใคร อย่าเชื่อผม และอย่าหลงความคิดของตัวเองด้วย แล้วคุณจะได้
ข้อมูลดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง


ความเข้าใจเรื่องหยิน-หยาง
ผมทึ่ง อาจใช้คำผิด แต่ว่ามันบรรยายความรู้สึกของผมได้ดี พระพุทธองค์ตรัสไว้เรื่องทาง
สายกลาง ผมคิดว่า หยิน-หยางที่ดี ก็คือต้องสมดุลหรือต้องเป็นทางสายกลาง เพราะฉะนั้น
อะไรมากไปจะไม่ดี น้อยไปไม่ดี ใช่ไหมครับ ผมเคยฟังบรรยายเรื่องผัก มีผักประมาณ 50
ชนิด อะไรเป็นหยินเป็นหยาง ปรากฏว่าฟังเสร็จ ในฐานะคนที่มีความรู้เรื่องโภชนาการบ้าง
ก็ยังเดินออกมาด้วยหัวทึบๆ เพราะตกลงว่าผักปวยเล้ง กวางตุ้ง คะน้า บร๊อคโคลี่ กินตอนนั้น
ไม่ได้ ผักชนิดนี้ต้องกินหน้าหนาว หรือกินหน้าร้อน ก็ตายกันพอดี ผมไม่ต้องการให้ใครเครียด
เรื่องโภชนาการขนาดนั้น ผมต้องการให้มีความรู้ที่จะนำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ทำอะไรเว่อร์เกินไป ผมเชื่อว่าคุณกำลังเข้าสู่คำว่า หยิน-หยาง
เบื้องต้นเลย ตัวอย่างเรื่องมังสวิรัติ แต่จุดตายของพวกมังสวิรัติ คือ หวานกับมัน และโปรตีน
พืชน้อยไป หลายคนทำลายชื่อเสียงของนักมังสวิรัติ ด้วยการกินแต่ผักอย่างเดียว ผิดเต็มๆ
เลยนะครับ เพราะคุณจะต้องกินถั่วประเภทใดก็ได้ แต่ต้องกินเข้าไปเพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน
และไม่กินของหวานของมัน ผมรอวันที่นักมังสวิรัติจะกอบกู้ชื่อเสียงด้วยการเดินให้ถูกทาง
และเอาชนะอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ ซึ่งผมคิดว่า อีกไม่นานเกินรอนักมังสวิรัติที่
กินถั่วหลากหลายชนิด กินหวานน้อยลง กินมันน้อยลง จะทำให้สมดุลระหว่างหยินกับหยาง


โภชนาการบำบัดกับการคลายเครียด

ผมคิดว่าเรื่องโภชนาการเป็น 70% ของคน ส่วนการออกกำลังกาย อากาศ อารมณ์ อะไร
พวกนี้อยู่ใน 30% ที่เหลือ เพราะฉะนั้นถ้าคุณแก้ปัญหาที่ 70% ได้ สุขภาพคุณดีขึ้นแน่
ที่เหลือคุณไปใช้เวลาของคุณเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ชีวิต ผมเคยไปพูดแล้วครั้งหนึ่ง
ว่าอย่าเก็บความเครียดเอาไว้ ผมถูกถามว่าช่วยสอนวิธีไม่เก็บความเครียดไว้ให้หน่อย
ผมก็บอกว่าของใครของมันครับ ไปคิดเอาเอง ถ้าไม่มีทางระบายความเครียดด้วยตัวเอง
ก็เก็บมันไว้จนระเบิด สำหรับผม ผมฟังเพลง ไปวิ่ง ไปเดิน ผมก็ระบายความเครียดได้แล้ว
ส่วนของคุณอาจไม่เหมือนกัน ไม่มีสูตรตายตัว สำหรับเรื่องสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้าของ
ทุกคนทุกอวัยวะทุกเซลล์ สร้างจากอาหารที่คุณกินเข้าไป คุณจะคงสภาพของร่างกายได้ดี
แค่ไหน ส่วนใหญ่อาหารเป็นตัวกำหนดทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกว่าอาหารเป็นตัวรอง
โดยพฤติกรรมอย่างอื่นทำให้ดีหมด แล้วกินอาหารเฮงซวย ร่างกายแข็งแรง ผมจะรอดู
เพราะเชื่อว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้น เนื่องจากข้อสรุปแบบนั้นขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นจริงไปไม่รอด
ผมชอบนักเขียนอเมริกันคนหนึ่งชื่อ วอเรน บัพเฟต เขาบอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จ
ส่วนใหญ่ในวงการเงินเป็นคนที่ทำเรื่องง่ายๆ ให้ดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการทำเรื่องยากให้สำเร็จ
โดยให้เหตุผลว่า คนที่พยายามทำเรื่องยากๆ ให้สำเร็จส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งตาย ท้อถอย
หรือพ่ายแพ้ต่อปัญหานั้นๆ แต่คนที่ทำเรื่องง่ายให้ดีที่สุด คนเหล่านี้เกือบ 100%
จะประสบความสำเร็จทีละเล็กละน้อยจนกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าใคร
ตั้งต้นคิดผิด และจับแนวทางผิดก็เสร็จ อาจจะต้องหลงอยู่ในวังวนของความผิดพลาดนั้น
สุดท้ายก็ต้องถอยกลับมาตั้งต้นใหม่


บางเสี้ยวความคิดเพื่อรู้จักคุณหมอฯ
ส่วนใหญ่ปัญหาชีวิตของผมไม่มีใครสร้างให้ผม ผมสร้างเองทั้งนั้นก็ดิ้นรนหามาเอง
ซึ่งไม่อยากเล่าเพราะเล่าไปก็เหมือนประจานตัวเอง คือผมยังไม่มีใจเป็นกลาง ขนาดเล่า
ความไม่ดีของตนเอง เอาเป็นว่าทำมาเยอะ แล้วตอนนี้ทำน้อยลง ตอนพบปัญหาหนักๆ
ถามว่าโกรธคนอื่นมั๊ย โกรธครับแต่ลืมไปว่าเราเป็นคนสร้างปัญหาเอง พูดง่ายๆ ไม่ชอบเป็น
คนผิด ชอบโยนความผิดใส่คนอื่น แต่พอว่างๆ มานั่งนึกอีกทีก็ เออ..ที่แท้ตัวปัญหาคือตัวเรา
ก็คิดได้ว่าเลิกทำดีกว่า พอเลิกทำปัญหาก็ลดฮวบฮาบเลย ตอนนั้นผมยังหนุ่มๆ ชอบหา
เรื่องใส่ตัวเพราะว่ามันสนุกดี แต่ตอนนี้แก่แล้วไม่อยากเจอปัญหา


บทเรียนคือครูที่ดี
ทุกคนในชีวิตมีส่วนสอนผมเยอะ แม้กระทั่งตัวผมเอง แต่มีคนหนึ่งที่เหมือนเคาะกบาลผมเลย
คือ ครั้งหนึ่งผมทำผ่าตัดเป็นแพทย์ประจำบ้านปีที่ 3 ที่โรงพยาบาลราชวิถี ผมเชื่อมั่นในความ
มีเหตุผลของตัวเอง ผมภูมิใจในความมีเหตุผลของตัวเอง เวลาผมทำผ่าตัด ผมไม่น้อย
หน้าใคร ฝีมือเก่งพอตัว ตอนนั้นเป็นปีสุดท้ายที่เรียน หู คอ จมูก เรากำลังผ่าตัดมะเร็งรายหนึ่ง
อยู่ ผมเป็นมือ 1 อาจารย์วรา วรสุบิน เป็นผู้คุมโดยท่านยืนดูเฉยๆ พอผ่าถึงหลอดอาหาร
น้ำลายมันรั่ว ท่านก็ถามว่า ทำไมไม่ฉีดยาป้องกีนการอักเสบไว้ก่อน ผมก็หันไปบอก
หมอดมยาให้ฉีดยาแก้อักเสบ ถัดมาอีกวันมี CASE มะเร็งที่คอมาอีก อาจารย์วราคุมผมอีก
คราวนี้ผ่าตัดกล้ามเนื้อคอ ตัดกล้ามเนื้อคอทิ้ง แต่ไม่ได้เข้าไปในหลอดอาหาร น้ำลายไม่รั่ว
แต่แผลเปิดใหญ่มาก ความที่ผมอยากแสดงให้อาจารย์เห็นว่าผมเก่ง ผมเข้าใจผมสั่งพยาบาล
ให้ฉีดยาแก้อักเสบ โดยที่อาจารย์ไม่ต้องเตือน ผมโดนอาจารย์เคาะหลังเบาๆ บอกว่ารายนี้
ไม่มีน้ำลายรั่วสั่งฉีดยาแก้อักเสบทำไม มีน้ำลายมันจะสกปรก แต่นี่น้ำลายไม่ได้รั่ว ไม่ต้องฉีด
ผมก็บอกพยาบาลว่าไม่ต้องฉีด หลังจากนั้นผมได้ข้อคิด 2CASE ทำผ่าตัดที่คอเหมือนกัน
แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน ความจำเป็นในการใช้ยาก็ต้องไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น
ทุกครั้งที่ทำการผ่าตัดต้องมีเหตุและผลรองรับทุกอย่างที่ทำ ประโยคนั้นเปลี่ยนความคิด
ผมเป็นคนละคน ตั้งแต่วันนั้นผมเริ่มมีเหตุและผลมากขึ้น หลังจากที่หลงตัวเองว่ามีความรู้
อยู่เยอะ จริงแล้วมีนิดเดียว อาจารย์วราเป็นผู้ให้ความคิดนี้ใส่หัวผมมาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ถามว่าอาจารย์เป็นคนเดียวที่สอนผมใช่มั๊ย ก็คงไม่ใช่ แต่เป็นคนที่ทำให้ผมเหมือน
โดนตบฉาดใหญ่ ที่ทำให้เราซึ้งในจังหวะนั้น และชีวิตหลังจากนั้นผมรู้สึกว่าทุกคนสอนผมหมด
ไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ รุ่นน้อง แม้กระทั่งลูกน้องผมปัจจุบันที่นี่ ก็สอนผมว่าไม่ควรทำอะไร
หรือควรทำอะไร

ความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต
ยังไม่เกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นถ้าผมสามารถทำให้คนส่วนใหญ่เห็นประโยชน์ของสิ่งที่เราเรียกว่า
"โภชนาการ" ถ้าเมื่อไรคนเริ่มสามารถใช้อาหารรักษาโรคผมจะภูมิใจมาก

ไม่กลัวว่าคนไข้จะน้อยลงหรือ
เป็นโชคดีของหมอ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ปรับตัวช้า เพราะฉะนั้นหมอก็จะมีเวลาปรับตัว
ตามไปด้วย หากไม่มีคนป่วยหมอก็จะได้เลิกอาชีพหมอไปทำอย่างอื่นแทน ไปเป็นผู้แนะนำ
เรื่องสุขภาพ ไปทำเรื่องโภชนาการ ไปทำโน่นทำนี่ เพราะฉะนั้นหมอจะไม่ตกงานรวดเร็ว
จนปรับตัวไม่ทันหรอก ผมเชื่อเช่นนั้นและหมอส่วนใหญ่มีพื้นฐานไอคิวค่อนข้างดี
เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ต้องปรับตัวหรือถูกบังคับให้ปรับตัวก็จะทำได้เร็วมาก

แนวโน้มการแพทย์ในอนาคต
ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นจะมี 2 แผนกในโรงพยาบาลเดียวกัน คือ ธรรมชาติบำบัด (แพทย์ทางเลือก) กับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยให้คนไข้มีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะรักษาแบบไหน
ในอเมริกาเมื่อ 3 ปีก่อนก็เริ่มมีแบบนี้ในหลายๆ รัฐแล้ว เมื่อคนไข้เข้าไปในโรงพยาบาล
จะมีทั้งแพทย์ทางเลือก และแพทย์แผนปัจจุบันให้คนไข้เลือกวิธีรักษา เดิมแพทย์ทางเลือก
เป็น Under Ground Clinic เป็นคลีนิคผิดกฎหมาย แต่ในปัจจุบันนี้เริ่มมีการยอมรับ
ให้เป็นคลีนิคถูกกฎหมายมากแล้ว เพราะฉะนั้นในอีก 20 ปีข้างหน้า ผมเชื่อว่าเมืองไทยต้องมี
แพทย์ทางเลือกมากกว่าครึ่งเมือง การเปลี่ยนแปลงในอดีตเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า อนาคต
อาจจะเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมด้วย

บทสรุปที่ว่าหมอคือผู้รักษาคนไข้ ผู้ช่วยชีวิตต้องเปลี่ยนไป
คนรักษาโรคที่ดีที่สุดคือ ตัวคนไข้เอง หมอเป็นเพียงผู้แนะนำแนวทางที่ถูกต้อง แล้วคนไข้
ต้องปฏิบัติเอง ไม่ใช่นั่งงอมืองอเท้ากินยา แล้วรอให้โรคมันหาย มันจะเปลี่ยนความเข้าใจ
ไปครับ ผมเชื่อว่าหมอจะถูกบังคับให้เปลี่ยนเนื่องจากความรู้ และตัวโรคเองมันเปลี่ยนหมอ
และคนไข้ ถูกบังคับให้เปลี่ยนทั้งคู่

ด้วยความปรารถนาดี
นายแพทย์เปี่ยมโชค ชาลิดาพงศ์ แพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ
โทร. 081-644-1062


บางกอก โยคะ
แหล่งรวมข้อมูล โยคะ
อบรม ครูโยคะู
บริการสอน โยคะ

เรียน โยคะ ฟรี!!
โทร.02-634-4200,
081-826-8147,
081-485-1319

www.bangkokyoga.com

เปิดแล้ววันนี้

หลักสูตรครูโยคะ
สร้างอาชีพ
รุ่น 8
(เดือนพฤษภาคม 2551)

สอนโดยผู้เชี่ยวชาญ
ศาสตร์-ศิลป์แห่งโยคะ
รับประกาศนียบัตร VCD คู่มือการสอน
จบแล้วมีงานรองรับทันที

* หลักสูตรครูโยคะระดับมาตราฐาน
หฐโยคะ กุณฑาลิณีโยคะ
อัษฎางคโยคะ
หลักสูตร 48 ชม. ราคา 9,900
* หลักสูตรครูโยคะขั้นสูง
ปูมโยคะ จตุรโยคะ ไจโรโยคะ
หลักสูตร 20 ชม. ราคา 8,900
คลิกที่นี่


CD โยคะ 28 ท่า เพื่อฟิต & เฟิร์ม
มีจำหนายแล้ว เพียง 100.-
ติดต่อโฆษณา
คุณเอกอุไร
โทร.081-485-1319
บริการรับทำบัญชีโดย CPA
หน่วนงานที่เกี่ยวข้อง
   
หน้าหลัก | ความงาม | มุมสุขภาพ | มุมแฟชั่น | การแต่งหน้า | ช้อปปิ้ง | เซ็กส์ | เคล็ดลับหุ่นดี | โหราศาสตร์
webboard | Q&A | Contact us
© Copyright ฺิBangkoktraining.com inc. All Rights Reserved.1998 - 2007