โรคเกาต์
โรคเกาต์เกิดจากอะไร
โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง เกิดจากมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ผลึกยูเรต
คั่งอยู่ในร่างกาย โดยที่มาของผลึกยูเรตนี้เกิดจาก กรดยูริค ซึ่งเป็นกรดชนิดหนึ่งในกระแส
เลือด มีปริมาณมากผิดปกติ ทำให้เกิดการรวมตัวกลายเป็นผลึกยูเรต ตกอยู่ตามกระดูกอ่อน
และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตามข้อต่างๆ ของร่างกาย โดยมักสะสมเป็นปริมาณมากในตำแหน่ง
ของร่างกายที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น ปลายเท้า กระดูกอ่อนของใบหู เป็นต้น
สาเหตุ
สาเหตุใหญ่ที่ทำให้กรดยูริคในเลือดสูงเกิดจากความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวข้องกับ
ผู้ที่มีโอกาสเป็น
อายุ 41-60 ปี อ้วน เพศชายมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 10:1
ระดับกรดยูริคในเลือดผู้ชาย ค่าปกติ 3.4 - 7.0 มิลลิกรัม / เดซิลิตรผู้หญิง ค่าปกติ 2.4 - 5.7 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
ระดับกรดยูริคในเลือดที่สูงเกินค่าปกติ นอกจากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์แล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วในไตด้วยอาการของโรคเกาต์
1.ระยะที่มีกรดยูริคในเลือดสูง แต่ยังไม่มีอาการข้ออักเสบ ผู้ชายที่เป็นโรคเกาต์มักจะเริ่มมี ระดับกรดยูริคในเลือดสูงตั้งแต่อายุประมาณ 14-16 ปี ส่วนผู้หญิงที่เป็นโรคเกาต์ จะมีกรด
ยูริคในเลือดสูงหลังหมดประจำเดือน
2.ระยะข้ออักเสบเฉียบพลันในโรคเกาต์ มักปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้า
และข้อเข่า อาการอักเสบของข้อจะปวดรุนแรงที่สุดใน 24-48 ชั่วโมงแรก ต่อมาจะค่อยๆ
ทุเลาลงไปใน 3-5 วัน และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดอาหารอักเสบซ้ำใหม่ได้
3.ระยะไม่อักเสบและระยะเป็นซ้ำ ในช่วงเวลาที่ไม่มีข้ออักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการเป็นปกติ
การอักเสบครั้งต่อไปจะกินเวลาเป็นเดือน ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการอักเสบจะเป็นถี่ขึ้น
และกินเวลานานขึ้น จนในที่สุดจะมีอาการอักเสบพร้อมกันหลายๆ ข้อ
4.ระยะอักเสบเรื้อรัง นอกจากจะมีข้ออักเสบพร้อมกันหลายๆ ข้อแล้ว จะมีปุ่มก้อนโตนูนขึ้น
ตามบริเวณข้อและใต้ผิวหนัง บางครั้งจะแตกออกมีสารสีขาวคล้ายชอล์คหรือยาสีฟัน
ข้อควรปฏิบัติ
ในปัจจุบันโรคเกาต์เป็นโรคที่รักษาหายขาดได้โดยหายจากอาการเจ็บปวด รวมทั้งสามารถป้องกันไม่ให้อักเสบขึ้นอีก โดยควรปฏิบัติดังนี้
1.ควรควบคุมน้ำหนักและอาหาร การลดน้ำหนักจะช่วยลดระดับกรดยูริคในเลือดได้ อาหารที่
ควรหลีกเลี่ยงในโรคเกาต์ได้แก่ เครื่องในสัตว์ต่างๆ สัตว์ปีก หน่อไม้ฝรั่ง ยอดผัก สุราทุกชนิด เบียร์และของหมักดองจากยีสต์
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
3.เมื่อมีอาการข้ออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
4.ไม่ควรนวดหรือคลึงบริเวณที่บวม จะทำให้ผลึกยูเรตกระจายไปตามข้อและเนื้อเยื่อ
จะทำให้เจ็บปวดมาก
5.ในผู้ที่ได้รับยาลดกรดยูริค และยาที่ใช้ในการป้องกันข้ออักเสบ อาจจะต้องรับประทานยา
ติดต่อกันเป็นปีดังนั้นจึงไม่ควรหยุดเอง และควรมาติดต่อรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง