1.โยคะลดความอ้วนได้จริงหรือ??
2.โยคะกับการลดความอ้วนในมุมมองของแพทย์
3. ประเภทของโยคะ
4. โยคะต่างกับการออกกำลังกายอย่างไร
5. ประโยชน์ของการฝึกโยคะ
6. 28 ท่าโยคะเพื่อการ Fit&Ferm
7. ประวัติครูสอนโยคะ
ทำไมฝึกโยคะแล้วลดความอ้วนได้
มีลูกศิษย์ดิฉันหลายท่านที่มาฝึกโยคะ เพราะมีเหตุผลว่าต้องการหุ่นสวย สรีระงดงาม รูปร่างดี และมักจะถามเสมอว่าฝึกนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล แต่ก็มักได้รับคำตอบจากดิฉันว่า โยคะ ถ้าตั้งใจฝึกอย่างจริงจัง เห็นผลแน่นอน เพราะหัวใจสำคัญในการฝึกปฏิบัติคือ
- มีการฝึกกำหนดลมหายใจ ผู้ที่ฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอจะมีข้อได้เปรียบกว่าผู้อื่นคือการหายใจเข้า-ออก จะลึกและยาวกว่า ตามปรัชญาสุขภาพพบว่า หายใจยาวอายุยาว – หายใจสั้นอายุสั้น การหายใจแบบโยคะคือ
หายใจออกหน้าทองแฟบ จะช่วยขับอากาศเสียออกจากร่างกาย จะทำให้เราไม่มีของเสียค้างอยู่ในท้องจึงไม่เกิดปัญหาท้องอืด จุกเสียด เป็นการบริหารลำไส้ ให้มีความยืดหยุ่น ปัญหาท้องผูกจึงไม่เกิดขึ้น
ส่วนการหายใจเข้าทองพอง การหายใจเข้ายาวและลึก ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ มีประสิทธิภาพ ออกซิเจนเป็นส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้การหายใจแบบโยคะมีส่วนช่วยในการลดความอ้วน อายุยืนยาว สุขภาพดี
- ท่วงท่าลีลาการเคลื่อนไหว
แบบค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละท่านั้น จะช่วยเปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ เพราะร่างกายจะดึงเอาไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงาน จึงทำให้สัดส่วนกระชับขึ้น
- สมาธิ – ทำให้มีสติ
ในการควบคุมอารมณ์ รู้เท่าทันความต้องการของร่างกาย มีความอดกลั้น แน่วแน่ในเป้าหมายที่จะลดความอ้วน
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีปัญหาความอ้วน มักจะรับประทานอาหารตามใจตนเอง ขาดวินัย และหาเหตุผลเข้าข้างตนเองในการบริโภคอาหารที่ตนชอบ แม้จะรู้ดีว่าอาหารชนิดไหนมีประโยชน์ควรทานเวลาไหน อาหารชนิดไหนก่อให้เกิดปัญหาโรคอ้วน ทำให้การลดไม่เกิดผล
หลักการรับประทานอาหารที่ได้ผลของโยคะคือ”อปริครหะ” คือ กินพออิ่ม ไม่กินเกินอิ่ม
เคล็ดลับจากครูเอกในการลดความอ้วนอย่างได้ผล
- ฝึกโยคะเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 40 นาที สัปดาห์ละ 4 ครั้ง
- รับประทานอาหารเป็นเวลา เคี้ยวให้ละเอียด ไม่รับประทานจุกจิก และทานเฉพาะเวลาหิว อาหารแต่ละมื้อควรมีปริมาณข้าวน้อย ๆ กับข้าวที่ไม่มันมาก อย่าเสียดายอาหารที่เหลือถ้ารู้สึกอิ่ม
- แก้ไขพฤติกรรมการรับประทานของหวานหรือของขบเคี้ยวขณะดูทีวี หรือการรับประทานอาหารมือดึกไม่ว่าจะหิวหรือไม่ก็ตาม
- ตรวจสอบน้ำหนักตนเองสม่ำเสมอทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- หากน้ำหนักตัวกลับเพิ่มขึ้นอีก ต้องตึกตรองค้นหาคำตอบให้กับตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ แล้วแก้ไขทันที
- ห้ามงดอาหารเช้าอย่างเด็ดขาด เพราะจำให้ร่างกายขาดพลังงาน สมองจะไม่ แจ่มใส ทำให้หิวมากขึ้นและรับประทานอาหารมื้อต่อไปแบบไม่ระวัง
- หากมีการหิวระหว่างมื้อ ควรรับประทานผลไม้ หรือน้ำผักปั่น ที่นอกจากทำให้รู้สึกอิ่มขึ้นยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีและล้างสารพิษในร่างกาย
- อย่าปล่อยให้ท้องผูก ขับถ่ายให้เป็นเวลา รับประทานอาหารที่มีกายใยมาก ๆ
- ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ อย่างน้อย 8-10 แก้ว ต่อวัน
- มีจิตใจที่แน่วแน่ว่าจะลดน้ำหนักเพิ่มสุขภาพดี และวาดฝันถึงรูปร่างที่สวยงามสมส่วนของตัวเอง พร้อมลงมือทำทันที ไม่ผลัดวัน ประกันพรุ่ง
ความอ้วนส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมายเช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ไขมันในเลือดสูง เส้นเลือดตีบแข็ง โรคหัวใจ โรคปวดข้อ เข่า สะโพก เส้นเลือดขอด ตะคริว เป็นหมัน แก่เร็ว พร้อมทั้งทำให้ขาดความโดดเด่นในสังคม บุคลิกภาพ จนถึงขาดโอกาสในการสร้างความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นขอให้เราสละเวลาสักนิดโดยฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตที่สมดุล เพื่อสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า
นับตั้งแต่วันนี้นะคะ